น้ำตกฟุคิวาเระโนะทาคิ
น้ำตกฟุคิวาเระโนะทาคิคืออะไร
“น้ำตกฟุคิวาเระโนะทาคิ” ถูกขนานนามกันว่าเป็นน้ำตกไนแองการาแห่งซีกโลกตะวันออก ทั้งยังถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติของญี่ปุ่นและจุดที่มีวิวสวย ที่นี่เป็นน้ำตกที่จะให้คุณได้สัมผัสกับความแรงของน้ำตกที่กระเซ็นอย่างสดชื่น ท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามนี้ คุณจะรู้สึกสดชื่นหลังจากอาบละอองน้ำธรรมชาติทั่วร่างในวันที่อากาศร้อนของฤดูร้อน ความเขียวขจี ใบไม้เปลี่ยนสี และน้ำตกชื่อดังที่ทิวทัศน์จะแปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาลนี้เองจะสะกดใจผู้คนให้ต้องมนต์เสน่ห์ ฉะนั้นไม่ควรพลาดมาเดินวนรอบเส้นทางเดินเล่นที่เตรียมไว้เพื่อสัมผัสกับธรรมชาติของนุมาตะกันให้ได้นะคะ
ฟุคิวาเระเคนาราบิฟุคิวาเระบาคุ (หุบเขาฟุคิวาเระและน้ำตกฟุคิวาเระโนะทาคิ)
แม่น้ำคาตาชินะก่อให้เกิดหุบเขาเป็นรูปเป็นร่างอยู่ระหว่างจุดไหลบรรจบของแม่น้ำฮิรากาวะบริเวณต้นน้ำกับจุดไหลบรรจบแม่น้ำคุริบาระบริเวณปลายน้ำ เรียกตรงนี้ว่าหุบเขาฟุคิวาเระ หุบเขาก่อเป็นรูปเป็นร่างมาจากการกัดเซาะหินทัฟฟ์และหินอิกนิมไบรต์ฝั่งขวาของแม่น้ำมีโขดหินโชจิอิวะตั้งตระหง่านอยู่
เส้นทางที่น้ำไหลผ่านส่วนมากจะเป็นหินทัฟฟ์และเรียบ เรียกจุดที่กว้างขวางเป็นพิเศษว่าเซ็นโจจิคิ เส้นทางที่น้ำไหลผ่านมีหลุมอยู่เป็นจำนวนมากและกระจัดกระจายอยู่ในระยะทางประมาณ 1.5 กม. จากบริเวณน้ำตกฟุคิวาเระโนะทาคิไปจนถึงนิงุระอิชิ
มีเส้นทางเดินเล่นรอบหุบเขาที่ใช้เวลารอบละประมาณ 1 ชม. ซึ่งสร้างเอาไว้เมื่อปี 1991 ทั้งยังสามารถชมวิวหุบเขาได้จากมุมมองที่แตกต่างกันไปตามจุดชมวิวน้ำตก 3 แห่งที่ตั้งอยู่ระหว่างทาง
น้ำตกฟุคิวาเระโนะทาคิ
น้ำตกนี้ถูกกัดเซาะบริเวณส่วนที่อ่อนของชั้นหินตามเส้นทางที่น้ำไหลผ่าน จนก่อให้เกิดรอยแยกมากมายและส่วนที่เป็นรอยแยกใหญ่ในบรรดานั้นก็กลายเป็นน้ำตก แล้วเริ่มเรียกกันว่า “น้ำตกฟุคิวาเระโนะทาคิ” เพราะดูเหมือนหินก้อนใหญ่ยักษ์มีน้ำทะลักออกมาจนแตก
มีผู้คนมากมายมาเยือนน้ำตกที่มีค่าในเชิงวิทยาศาสตร์เพราะเกิดขึ้นมาจากการกัดเซาะของน้ำ ช่วงเขียวขจีในเดือนเมษายนและพฤษภาคมจะเป็นน้ำตกสดชื่นเพราะมีส่วนผสมของน้ำจากหิมะที่ละลาย ส่วนฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นน้ำตกที่มีใบไม้เปลี่ยนสีเปล่งประกายมาประกอบกับหุบเขาแสนงาม คุณจึงจะได้ชมวิวที่แตกต่างกันไปตามแต่ละฤดูกาล
น้ำตกมาซุโทบิโนะทาคิ
น้ำตกบริเวณปลายน้ำในหุบเขาฟุคิวาเระ เล่ากันว่าในสมัยก่อนนั้นไม่ว่าปลาเทราต์ (ปลามาซุ) จะว่ายทวนน้ำมากแค่ไหนแต่พอมาถึงน้ำตกนี้แล้วยังไงก็ไม่สามารถจะขึ้นต้นน้ำได้เพราะความต่างระดับ จึงมีการตั้งชื่อน้ำตกมาจากการกระโดดเพื่อพยายามจะข้ามน้ำตกซึ่งมีความสูง 15 เมตรและความกว้างกว่า 6 เมตรอย่างมานะบากบั่นของปลาเทราต์
โขดหินเบียวบุอิวะ
เมื่อแหงนหน้าขึ้นมองจะเห็นหน้าผาใหญ่โตโอฬารสูงตระหง่านเรียกว่าเบียวบุอิวะเพราะมีรูปร่างละม้ายคล้ายฉากกั้นห้อง (เบียวบุ) เป็นโขดหินที่เกิดการแข็งตัวจากกระแสของไพโรคราสติกที่ไหลมาเมื่อ 8.5 ล้านปีก่อน
ฮันเนียะอิวะ
เรียกหน้าผาที่ตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งขวาบริเวณปลายน้ำของน้ำตกฟุคิวาเระโนะทาคิเช่นนี้เพราะมีความคล้ายคลึงกับอสูร (ฮันเนียะ)
หินชิชิอิวะ
เรียกหินตรงกลางบริเวณปลายน้ำของน้ำตกฟุคิวาเระโนะทาคิเช่นนั้นเพราะดูเหมือนสิงโต (ชิชิ)
โอเค็ตสึ (หลุมบ่อ)
ก้อนหินที่อยู่ในบริเวณทรุดตัวตามเส้นทางน้ำไหลผ่านได้หมุนตามแรงน้ำและขุดโขดหินลงลึกจนเกิดเป็นหลุมขึ้นมา คุณจะได้เห็นหลุมขนาดต่างๆ บริเวณปลายน้ำของน้ำตกฟุคิวาเระโนะทาคิซึ่งมีรูปร่างสวยงามมาจากหินก้อนเล็กๆ
เส้นทางเดินเล่น
เมื่อชมน้ำตกฟุคิวาเระโนะทาคิแล้วก็ข้ามสะพานอุคิชิมะไปวิหารเจ้าแม่กวนอิมอุคิชิมะ พอเดินตามเส้นทางเดินเล่นที่เตรียมไว้แล้วก็จะมองเห็นน้ำตกจากจุดชมวิวน้ำตกได้ชัดเจน และใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เดินเล่นไปอย่างสบายๆ ได้ จึงไม่ควรพลาดมาเพลิดเพลินกับการอาบป่าพลางฟังเสียงน้ำตกกันได้ที่นี่ค่ะ
ตำนานของน้ำตกฟุคิวาเระโนะทาคิ
กล่าวกันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่าแอ่งน้ำใต้น้ำตกของน้ำตกฟุคิวาเระโนะทาคิเชื่อมโยงไปถึงวังบาดาล (วังมังกร)
สมัยก่อนมีการยืมอุปกรณ์จานชามมาจากวังบาดาลทุกครั้งที่มีการจัดเลี้ยงอย่างงานเฉลิมฉลองในหมู่บ้าน เมื่อต้องการจะทำการปาจดหมายอ้อนวอนเข้าไปภายในน้ำตก ปล่อยให้ถูกม้วนเข้าไปในน้ำวน และถูกสูบเข้าไปที่วังบาดาลลึก แล้วในวันก่อนหน้างานเลี้ยงจะมีอุปกรณ์จานชามตามจำนวนที่ร้องขอวางอยู่บนก้อนหินด้านข้างอย่างเป็นระเบียบ หากติดจดหมายขอบคุณและวางคืนบนหินก้อนเดิมภายใน 3 วัน อุปกรณ์จานชามก็จะถูกส่งคืนวังบาดาลโดยไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อใด
อยู่มาปีหนึ่งได้เกิดความผิดพลาดเรื่องจำนวนในตอนที่คืนอุปกรณ์จานชามที่ยืมมา โดยลืมคืนไปเพียงแค่หนึ่งชุด วังบาดาลล่วงรู้เข้าว่าอุปกรณ์จานชามที่ให้ยืมไปมีจำนวนไม่ครบ นับแต่นั้นเป็นต้นมาไม่ว่าจะร้องขออย่างสุภาพมากเพียงใดวังบาดาลก็ไม่ยอมให้ยืมอีกเลย
