สมาคมการท่องเที่ยวอำเภอนุมาตะ

การเก็บผลไม้×นุมาตะ
เมืองรอบปราสาทภายใต้ท้องฟ้า หมู่บ้านซานาดะ นุมาตะ



ตระเวนชมร่องรอยทางประวัติศาสตร์และทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับตระกูลซานาดะ

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 400 ปีก่อนตระกูลซานาดะได้ปกครอง “นุมาตะ” หลังจากนายพลยุคเซ็นโกคุชื่อดังก่อสงครามแก่งแย่งชิงดีภายในเมืองจึงยังมีร่องรอยจากสมัยของซานาดะหลงเหลือให้เห็นอยู่เป็นจำนวนมากแม้แต่ในปัจจุบันนี้

ร่องรอยปราสาทนุมาตะ

ร่องรอยปราสาทนุมาตะ

นุมาตะ บันคิไซ อาคิยาสุใช้เวลา 3 ปีในการสร้างปราสาทตั้งแต่ปี 1532 ภายหลังซานาดะ มาซายุกิได้เข้ายึดปราสาทและโนบุยุกิ ทายาทของมาซายุกิก็ได้กลายเป็นผู้ครองปราสาทในปี 1590 แล้วก็กลายเป็นปราสาทประจำตระกูลซานาดะยาวนานถึง 5 รุ่นเป็นเวลา 91 ปี ทั้งยังมีการสร้างหอคอยปราสาท 5 ชั้นขึ้นมาในปี 1597 ด้วย
ในปี 1681 โนบุโตชิผู้ครองปราสาทรุ่นที่ 5 ได้ถูกรัฐบาลเอโดะยึดและถูกทุบทำลายจนหมดสิ้นตามคำสั่งของรัฐบาลในเดือนมกราคมปีถัดมาแล้วก็ไม่มีการสร้างขึ้นมาใหม่หลังจากนั้น

ระฆังปราสาท

ระฆังปราสาท

หล่อขึ้นในปี 1634 โดยโนบุโยชิ ผู้ครองแคว้นนุมาตะรุ่นที่ 2 ของตระกูลซานาดะและแขวนไว้ข้างส่วนรอบนอกชั้นที่สามของปราสาทนุมาตะเพื่อใช้ในการบอกเวลาจากนั้นก็ถูกนำไปแขวนที่ “หอระฆัง” ซึ่งบูรณะขึ้นมาที่สวนนุมาตะเพื่อใช้บอกเวลา ระฆังในหอระฆังเป็นของจำลอง ส่วนของจริงจัดแสดงอยู่ในคลังเอกสารประวัติศาสตร์อำเภอนุมาตะ

หลุมศพของไดเรนอินเด็ง

หลุมศพของไดเรนอินเด็ง

เป็นหลุมศพของไดเรนอินเด็งซึ่งเป็นภรรยาของโนบุยุกิผู้ครองแคว้นรุ่นแรกของตระกูลซานาดะและเป็นมารดาของโนบุโยชิรุ่นที่ 2 และโนบุมาซะรุ่นที่ 4 ไดเรนอินเด็งเป็นบุตรสาวของรัฐบุรุษฮอนดะ ทาดาคัตสึของโทคุกาวะ อิเอยาสุและเรียกกันว่าเจ้าหญิงโคมัตสึ จากนั้นอิเอยาสุก็ขอมาเป็นบุตรบุญธรรมและให้แต่งงานกับโนบุยุกิเมื่อปี 1589
ในช่วงยุทธการที่เซกิงาฮาระเมื่อปี 1600 นั้นได้รับการชมเชยว่าเป็นหญิงแกร่งเพราะปฏิเสธการเข้าปราสาทหลังจากรู้สึกไม่วางใจการมาเยือนปราสาทนุมาตะของมาซายุกิผู้เป็นบิดากับยุคิมุระผู้เป็นน้องชายซึ่งได้กลับไปอุเอดะ เธอเสียชีวิตด้วยวัย 48 ปี ณ โคโนสุ แคว้นมุซาชิในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ระหว่างเดินทางจากเอโดะมายังคุซัตสึเพื่อไปพักฟื้นในปี 1620 ฝังศพอยู่ตามวัดโชกังในโคโนสุ วัดโชงาคุในนุมาตะ และวัดโฮเซ็นในอุเอดะ

หลุมศพของซานาดะ คาวาจิ โนบุโยชิ

หลุมศพของซานาดะ คาวาจิ โนบุโยชิ

หลุมศพของโนบุโยชิผู้ครองแคว้นรุ่นที่ 2 ของตระกูลซานาดะ เป็นเจดีย์โฮเคียวอินโตที่มีความสูงทั้งหมด 297 ซม. และมีการสลักตราตระกูลซานาดะ “โรคุมงเซ็น (เงินในสมัยโบราณหกเหรียญ)” ลงบนหลังคา เนื่องจากมาซายุกิย้ายจากนุมาตะไปอุเอดะในปี 1616 เขาจึงกลายเป็นผู้ครองแคว้นนุมาตะรุ่นที่ 2 แล้วเสียชีวิตด้วยวัย 40 ปี ณ ปราสาทเอโดะในวันที่ 28 พฤศจิกายนปี 1634 จากนั้นศพก็ถูกส่งไปนุมาตะและฝังในวัดที่เผาบนภูเขาคาโชซัง

หลุมศพของเคจุอินเด็งn

เคจุอินเด็งเป็นนางสนมของโนบุโยชิผู้ครองแคว้นรุ่นที่ 2 ของตระกูลซานาดะและเป็นมารดาของโนบุโทชิผู้ครองแคว้นรุ่นที่ 5 มีการปรับปรุงวัดฮอนริวในปี 1667 และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดเคจุซังเมียวโคอิน กลายเป็นการสร้างวัดด้วยตนเองและล่วงลับไปเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมปี 1669

หลุมศพของซานาดะ โนบุโทชิ

หลุมศพของโนบุโทชิผู้ครองแคว้นรุ่นที่ 5 ของตระกูลซานาดะ เขาเกิดเมื่อปี 1635 ได้รับแบ่งที่ดินห้าพันโคกุในเขตโทเนะเป็นมรดกหลังจากคุมาโนะซุเคะผู้ครองแคว้นรุ่นที่ 3 มรณะไปในวันที่ 20 มิถุนายนปี 1639 จากนั้นก็กลายเป็นผู้ครองแคว้นนุมาตะเมื่อเดือนตุลาคมปี 1656 มีการสำรวจที่ดินทั้งหมดด้วยหน่วยโคกุดากะ (หน่วยวัดผลผลิตข้าว) ตั้งแต่ปี 1662
ถูกลดสถานะและโดนเนรเทศไปแคว้นยามางาตะ จังหวัดเดวะ (ตระกูลโอคุไดระ) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 1681 จากนั้นก็เสียชีวิตเพราะโรคภัยไข้เจ็บที่แคว้นอุตสึโนะมิยะ (ตระกูลโอคุไดระ) ในเดือนมกราคมปี 1688 กล่าวกันว่าถูกฝังเอาไว้ที่วัดริวเกอินมิโรคุจิ

ศาลเจ้าโทงะโนะฮาจิมันกู

ศาลเจ้าโทงะโนะฮาจิมันกู

ศาลเจ้าโทงะโนะฮาจิมันกุเป็นเทพเจ้าที่ปกปักษ์รักษาผู้ครองปราสาทนุมาตะติดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน นุมาตะ อาคิยาสุผู้ครองแคว้นนุมาตะได้ต้อนรับโกคังฮาจิมันกูเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมปี 1530 มาสักการะ ณ สถานที่ปัจจุบันเพื่อมาเป็นเทพเจ้าปกปักษ์รักษาปราสาท
หลังจากซานาดะ มาซายุกิสวดขอพรตอนออกศึกในปี 1580 แล้วก็ได้รับการเคารพสักการะในฐานะเทพเจ้าแห่งสงครามติดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน ภายในบริเวณมีสถาปัตยกรรมหินมากมาย เช่น โทริอิหินหรือกำแพงหินรูปทรงกระดองเต่าโดยช่างแกะสลักหินจากหมู่บ้านอุเอโดะ เขตคามินะ จังหวัดชินชู (นากาโนะในปัจจุบัน)

ซานาดะคันนอน (รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมพันมือปางนั่ง)

ซานาดะคันนอน
(รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมพันมือปางนั่ง)

เป็นรูปปั้นอันประณีตสวยงามเคลือบแล้วแปะด้วยทองคำเปลวทั้งตัวรูปปั้น ฐานและศาลเจ้าจำลองขนาดเล็ก และมีการเชื่อมต่อจุดสูงสุดของพระพุทธรูป แขนด้านข้าง และอื่นๆ แถมยังมีเทคนิคประณีตให้เห็นที่รัศมีรูปทรงไข่
ในปี 1663 ซานาดะ โนบุโทชิผู้ครองแคว้นรุ่นที่ 5 ของตระกูลซานาดะได้ย้ายโจราคุอินในสึกิโยโนะไปร่องรอยปราสาทมาคุอิวะเพื่อให้ปัดเป่าภัยพิบัติของปราสาทนุมาตะ แล้วก็เรียกเจ้าแม่กวนอิมพันมือองค์นี้ว่า “ซานาดะคันนอน” หลังจากตั้งเป็นพระประธาน

โคมไฟถวายวัด

โคมไฟถวายวัด

เป็นโคมไฟหินที่โนบุโทชิผู้ครองแคว้นรุ่นที่ 5 ของตระกูลซานาดะถวายให้กับวัดซังโคอิน มีจารึกวันที่ 18 สิงหาคมปี 1664 ทฤษฎีหนึ่งกล่าวไว้ว่าโนบุโทชิถูกเจ้าอาวาสวัดซังโคอินปฏิเสธการนิมนต์มาทำบุญรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสิบเศียรโนบุโทชิจึงกีดขวางการเข้าสักการะในวันงานเทศกาลของรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสิบเศียรทำให้ปีนั้นมีการแพร่ระบาดของโรคร้ายภายในปราสาทและโนบุโทชิก็ล้มป่วยด้วยเช่นกัน เล่ากันว่าโนบุโทชิรู้สึกทุกข์ใจจนต้องสร้างวิหารเจ้าแม่กวนอิมและถวายโคมไฟหิน 2 อัน ส่วนภรรยาถวายเป็นม้าไม้สีขาว 2 ตัว